ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

"ขอพระองค์ทรงพระเกษมสันต์...เป็นมิ่งขวัญคนไทยทุกถิ่นฐาน...มีพระชนม์มายุยิ่งยืนนาน...พระภูบาลคุ้มเกล้าเราชาวไทย"

จินตนาการผ่านคำพร่ำอักษร..มิใช่กลอนชีวิตลิขิตเขียน..ด้วยสนุกสุขใจจึงใฝ่เพียร..หากผิดเพี้ยนติติงขอวิงวอน
---->>

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

หลบลี้..หนีเที่ยว





...หลบลี้..หนีเที่ยว...



เดินมาเรื่อย เอื่อยอารมณ์ เที่ยวชมกรุง
กลิ่นควันฟุ้ง คุ้นอบ ตลบทั่ว
เสียงยนต์ยาน ผ่านไป ไม่ไกลตัว
ฟ้าสลัว มัวมน ฝนจะมา




เดินมาถึง ซึ่งร้าน อาหารขาย
มีมากมาย หลายอย่าง ต่างสรรหา
ทั้งก๋วยเตี๋ยว เกี้ยวน้ำ ยำไตปลา
อีกผัดฉ่า พล่ากุ้ง ฟุ้งอบอวล




เราจึงนั่ง สั่งแกง พะแนงไก่
น้ำแข็งใส ใส่ข้าวโพด โปรดตามส่วน
อร่อยเหร็ด เผ็ดคอ พอสมควร
ให้นึกหวน ชวนเพื่อนมา น่าจะดี




พอฝนซา พาคึก ให้นึกขัน
เซ็งแซ่ หรรษา พาสุขศรี
เสียงคุยล้อ ต่อสาส์น ผ่านวจี
ชั่งเปรมปรี มีสุข กันทุกคน




หันทางซ้าย ขายเก๊าลัด ชักอยากรู้
เดินไปดู ผู้เฒ่า เคล้าคั่วผล
จึงเอ่ยความ ถามไป ในฝูงชน
คลายฉงน ตนคิด จิตอยากลอง




"ตา..ไฉน ไยคั่วเคล้า เข้ากับทราย
บอกให้หาย คลายสงสัย ไขข้อข้อง
หนูแลดู อยู่ตั้งนาน ผ่านตามอง
อยากจับต้อง ลองคั่งเปล่า ไม่เอาทราย"




ท่านเฉลย เผยมา ดวงตายิ้ม
ยิ่นให้ลิ้ม ชมตาม ก่อนความหมาย
"เก็บกักตุน อุณภูมิ อูมมากมาย
เพราะเป็นเคล็ด เด็ดหลาย ทรายนั้นมี"




"ด้วยกักตุน อุณภูมิ นั้นอูมไว้
จึงทำให้ ความร้อนส่ง นั้นคงที่
เนื้อในผล คนเคล้า ก็เจ้าที
เป็นเคล็ดดี ที่ใช้ผ่าน กันนานมา"




มือพนม ก้มไหว้ ในคำตอบ
แล้วซื้อหอบ กอบใหญ่ ใส่ตะกร้า
แทนความรู้ ผู้เฒ่าท่าน นั้นนำพา
เลยกล่าวลา วาจาอ่อน ก่อนจากไป




หันซ้ายขวา ตาสอดส่อง มองที่เที่ยว
สุขจริงเจียว เหลียวเห็นคน บนทางใหญ่
กำลังร้อง ทำนองเอื้อ เนื้อคำไทย
ดูพริ้วไหว ไพเราะ เสนาะคำ




เดินเตร่เตร่ เถลไถล ไปเรื่อยเปื่อย
จนเริ่มเหนื่อย เมื่อยตัวเนื้อ เหงื่อไหลฉ่ำ
หาที่พัก สักนิด คิดจะทำ
แต่เจ้ากรรม จำต้องหยุด ทรุดร่างลง




หัววิงวิง สิ่งสุดท้าย ก่อนหายลับ
มีคนจับ รับร่าง ผู้คว้างหลง
ต่อจากนั้น ไม่รู้ตัว มัวงวยงง
ความมั่นคง ส่งให้กาย คลายปล่อยวาง




...รู้สึกดี มีสติ มิล้าอ่อน
ได้พักผ่อน นอนสบาย คลายหมองหมาง
แต่นี่เล่า เราอยู่ไหน ที่ใดทาง
แสงสว่าง กระจ่างใส ไฟนีออน




ยินสำเนียง เสียงเพรียก ร้องเรียกหา
จึงหันหน้า มาดุ ผู้เอ่ยอ้อน
ยิ้มแต่งแต้ม แก้มปราง อย่างอาทร
ตาวิงวอน ก่อนลูบหัว..ของตัวเรา




มีหลายความ ยามนั้น ฉันรู้สึก
ให้ระลึก นึกระเหี่ย เสียใจ..เศร้า
ไม่น่าโง่ โธ่!!ทั้ง ถึงยังเยาว์
จำไว้เล่า เขลาครั้งนี้ มีราคา




...เพียงแค่เห็น เช่นนั้น พลันตัดสิน
เพียงได้ยิน ผินคำ ช้ำหนักหนา
เพียงเติมต่อ ก่อความ ตามวาจา
เพียงรู้..ว่า พาพลอย ให้น้อยใจ




เอาคำพูด ขูดกราก จากใจคิด
แล้วเติมนิด ติดนั่น พลันหวั่นไหว
ไม่ถามเขา เอาความ ตามเรื่องใด
ก็คิดไป ให้หมอง ร้องครวญคราง




...สุดท้ายผิด คิดหนี หาที่หลบ
เขามาสบ พบครา ยามล้าร่าง
ทรุดกายลง ตรงทาง ระหว่าทาง
แลทุกอย่าง กระจ้า เหมือนฟ้างาม




...ฟังสดับ รับคำ อธิบาย
ถึงความหมาย ในวันนั้น ฉันมอวข้าม
รู้เหตุผล ค้นแจ้ง แสดงความ
ไม่ต้องตาม..ถามสิ่งใด เข้าใจดี




ขอโทษเขา ที่เรางั่ง ไม่ฟังเหตุ
แล้วขีดเขต แดนขวาง ให้ต่างที่
ไม่ถามไถ่ ไตร่ตรอง มองเรื่องมี
ก็วิ่งหนี ลี้ไกล...ให้พะวง




ต่อจากนี้ มีเรื่องใด ให้ขัดข้อง
จะไต่ตรอง มองความ ไม่ตามหลง
เชื่อและมั่น สัญญา ว่าซื่อตรง
จะมั่นคง ต่อรักเรา..."ความเข้าใจ"

.....

ภาพวาด
13/9/53


ปล.ภาพขอขอบคุณพี่ติค่ะ ที่ให้คำปรึกษาเรื่อง เก๊าลัด ว่าทำไมต้องใช้ทรายคั่วด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น