ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

"ขอพระองค์ทรงพระเกษมสันต์...เป็นมิ่งขวัญคนไทยทุกถิ่นฐาน...มีพระชนม์มายุยิ่งยืนนาน...พระภูบาลคุ้มเกล้าเราชาวไทย"

จินตนาการผ่านคำพร่ำอักษร..มิใช่กลอนชีวิตลิขิตเขียน..ด้วยสนุกสุขใจจึงใฝ่เพียร..หากผิดเพี้ยนติติงขอวิงวอน
---->>

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

เพื่อลูก























เกิดมาพร้อม ความปวด รวดร้าวกาย
เจ็บเจียนตาย คล้ายกริช มาปลิดชนม์
แต่เพราะเจ้า ลูกน้อย กลอยกมล
แม่จึงทน เจ็บกลืน แลฝืนใจ


ให้เจ้าคลอด ปลอดภัย ได้ลืมตา
ร้องเสียงจ้า ว่าอุแว้ แม่ยิ้มได้
ต่อให้เจ็บ จับเอิ้น เกินรับไหว
เพียงแค่ให้ เจ้าเกิด ก็เลิศเลอ

ภาพวาด
.

1-2
























หากเป็นหนึ่ง มักมีสอง ครองตำแหน่ง
ให้ยื้อแย่ง แกร่งเกร่ เล่ห์อารมณ์
ฤาเป็นสอง ครองรั้ง ฝังใจตรม
ปล่อยหนึ่งข่ม ซมซาน ผลาญดวงใจ

ไม่อยากเป็นที่หนึ่ง หรือที่สอง
แค่อยากครอง เธอยู่ คู่หทัย
เป็นคนเดียว เกี่ยวครอง ทุกห้องใจ
โดยที่ไม่ มีใคร ไหนซ้ำรอย

ภาพวาด
.

จากเหตุการณ์
























จากเหตุการณ์ ผ่านมา พาใจสั่น
ย้อนรำลึก นึกวันนั้น พลันปวดร้าว
คนเคยคู่ อยู่ข้าง ยังทางยาว
มาบอกกล่าว อำลา ชีวาวาย


จากเหตุการณ์ ผลาญใจ ในวันนั้น
เหมือนทุกวัน ฉันหมด ลดความหมาย
ไม่มีเธอ คู่เรียง ข้างเคียงกาย
เหลือลมสาย หายใจ ไปวันวัน


จากเหตุการณ์ นานนับ ประทับตรา
ตรึงอุรา ข้าตลอด นะยอดขวัญ
แม้เลยผ่าน กาลปี สักกี่วัน
หัวใจมั่น ฉันยังคง ไม่หลงลืม

ภาพวาด
.

รักแรก















อันรักแรก แหลกราญ ใจผลาญเผา
เจ็บจริงเรา เศร้าตรม คมพิษไฟ
ปวดลึกลึก เจ็บลึกลึก รู้สึกได้
นั่งร้องไห้ ให้น้ำตา ทาพืษพอง

ภาพวาด
.

สัญญิงปลิ้นปล้อน

























มาสัญญา วาจา ว่าคงมั่น
แล้วเปลี่ยนผัน หันหาย คล้ายลืมสิ้น
โอ้!!สัญญิง จริงแท้ แค่ลมลิ้น
เธอปล้อนปลิ้น ดิ้นคำ ทำช้ำใจ


หากไม่ จริง จังคู่ จะอยู่เคียง
อย่าเอ่ยเพียง เรียงนำ คำได้ไหม
ฉันไม่ อยาก พร่ำเพ้อ เมื่อเธอไป
ขอเอ่ยไว้ อย่ามา สัญญากัน


ไม่อยาก เจ็บ เก็บตรม คารมหวาน
เหมือนโดนผลาญ ไฟเผา เขม่าควัน
จึงอยากขอ ต่อคำ อย่านำฝัน
ให้ตัวฉัน หวั่นไหว ในคำลวง

ภาพวาด
.

วันฝนโปรย


























วันที่ฝน หล่นโรย โปรยลงมา
ดั่งน้ำตา ที่ขัง จะหลั่งไหล
นึกถึงภาพ วันเก่า แสนเศร้าใจ
ดวงหทัย ไร้หลักสุด ทรุดร่างลง

ภาพวาด
.

ฉัน..คิดว่าดี























เรื่องบางสิ่ง บางอย่าง ที่พลางปิด
ตัวฉันคิด ว่าดี พี่เชื่อไหม
จึงยอมเสีย สละ ผละรักไป
ดีกว่าให้ เขาหมอง เพื่อครองเคียง

ภาพวาด
.

ไม่อยากคุย
























ไม่อยากคุย ไม่อยากรับ จึงดับทิ้ง
หาใช่หยิ่ง ผยอง ให้หมองหม่น
แต่เพราะฉัน นั้นเบื่อ เหลือใจคน
จึงหนีล่น ถอยหลบ ไม่พบเจอ


ทั้งข้อความ ตามต่อ ตัดพ้อผ่าน
เธอเขียนสาร อ่านคบ ก็ลบเออ
ไม่อยากตอบ ต่อว่า วาจาเพ้อ
จึงปล่อยเธอ เขียนต่อ ให้พอใจ

ภาพวาด
.

ขอเวลาหัวใจ





























ใช้เวลา กว่าจะซึ้ง ถึงใจรัก
ก็นานนัก แล้วหนอ ขอให้รู้
แต่ตอนนี้ ต้องตัดใจ ให้ลืมคู่
มันหดหู่ ยิ่งกว่า หนาคนดี


ขอเวลา หัวใจ ให้ฉันหน่อย
เพื่อค่อยค่อย หักไป ใยที่มี
อย่ารีบรัด ตัดลง จงปรานี
เจ็บเหลือจี้ ที่เธอทำ ก็ช้ำพอ


อย่าได้ย่ำ ซ้ำอีก ตรงซีกอก
หากกระทก ทบมาก ยากจะต่อ
ใจร้าวร้าว อาจจะแตก แหลกได้หนอ
จึงต้องขอ เวลา เพื่อยาใจ

ภาพวาด
.

ส่วนเกินของใจ





























แค่ส่วนเกิน ของใจ ที่ไร้ค่า
อันสายตา มองแล แค่ยามเผลอ
ไม่มีวัน ฉันใฝ่ ได้ใกล้เธอ
จึงต้องเพ้อ ครวญคร่ำ ช้ำเรื่อยไป

ภาพวาด
.

แค่เพื่อนเท่านั้น





























คบเหมือนเพื่อน เตือนใจ ไว้ทุกหน
แม้ ทุกข์ทน เพียงไหน อย่าได้เผย
เป็นแค่เพื่อน เพื่อนเท่านั้น อย่าหวั่นเลย
โอ่!ใจเอ๋ย เธอคือเพื่อน จงเตือนตรอง

ย้ำว่า เพื่อน เพื่อนทุกที ที่เจอหน้า
ย้ำว่าเพื่อน เพื่อนทุกคลา เมื่อตาจ้อง
ย้ำว่าเพื่อน เพื่อนทุกครั้ง ฝังใจหมอง
ย้ำว่าเพื่อน เพื่อนร่วมห้อง อย่าปองใจ


เขาคือเพื่อน เขาคือเพื่อน เตือนไว้หนา
เขา คือเพื่อน เตือนตรา อย่าหวั่นไหว
เขาคือเพื่อน เพื่อนแบบ แอบมอบใจ
เขา คือเพื่อน เตือนเอาไว้ อย่าใฝ่ปอง


แม้จักเตือน เตือนเท่าไหร่ ใจดวงนี้
มันก็มี ค่าเท่า คือเราจอง
อยากจะชิด สนิทใกล้ ใจครอบครอง
แต่จำต้อง กล้ำกลืน ฝืนอุรา


กลัวว่าเผย เอ่ยไป ให้เธอรู้
มันจะอยู่ ร่วมห้อง อย่างหมองหม่า
เธออาจเกลียด เดียดฉันท์ พลันหนีลา
จนเหมือนว่า ไกลกันอีก ซีกโลกเลย


สู้ อยู่แบบ แอบรัก จักดีกว่า
อย่างน้อยหนา เรายังได้ ใกล้ชิดเชย
อยู่ อย่างเพื่อน เพื่อนอย่างนี้ ดีแล้วเอย
หากว่าเผย เอ่ยแล้วไกล ใจคงตรม


ขออยู่แบบ ปวดใจ แต่ใกล้เธอ
ยามเมื่อเผลอ มองตา พาสุขสม
ขอยู่แบบ แอบรัก ภักชื่นชม
แม้ระทม ตรมเพียงใด ยังใกล้กัน


ภาพวาด
.

วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

กลบท..งูกลืนหาง

...กลบท..งูกลืนหาง...







การแต่ง : ในวรรค หนึ่งๆ ท่านเขียนไว้ ๕ คำ ผู้อ่าน อ่านจบวรรคแล้ว ต้องย้อนมา อ่านขึ้นต้นใหม่อีก ๓ คำ หมายความว่า ๓ คำต้นวรรค ซ้ำกับ ๓ คำ ท้ายวรรค นั่นเอง

ดังรูป...



............... ตัวอย่าง...............
เหนื่อยและท้อ หนอเมื่อย ...
หมดแรงเหิน เดินต่อ ...
ยากเผชิญ ลำบาก ...
ทิศทางใด ไหนเดิน ...
............... เวลาอ่าน...............
เหนื่อยและท้อ หนอเมื่อย เหนื่อยและท้อ
หมด แรงเหิน เดินต่อ หมดแรงเหิน
ยากเผชิญ ลำบาก ยากเผชิญ
ทิศทางใด ไหนเดิน ทิศทางใด








~ วันที่ท้อ ~



เหนื่อยและท้อ หนอเมื่อย ...
หมดแรงเหิน เดินต่อ ...
ยาก เผชิญ ลำบาก ...
ทิศทางใด ไหนเดิน ...



ยากจะก้าว ท้าวผละ ...
ด้วยหวั่นไหว ใจร้าว ...
แต่ต้องไป แม้หมอง ...
เส้น จุดหมาย สายไกล ...



ฟันฝ่าบุก ทุกข์ท้า ...
เพื่อจุดสาย ปลายสุข ...
กำลังกาย สู้ยั้ง ...
มิ แหนงหน่าย ท้าทาย ...



วันนี้ท้อ สุดหวั่น ...
หมดความแกร่ง แข็งต่อ ...
สิ้นเรี่ยวแรง ชีวิน ...
เกินจะตี กำแพง ...

ภาพวาด




ขอ อภัย ไว้ด้วย โปรดช่วยสอน
หากกานท์กลอน ษรสรรค์ ที่กลั่นสาย
"ภาพ"ประดิษฐ์ ผิดพลาด วาดลวดลาย
ครูทั้งหลาย ช่วยเอื้อน เตือนด้วยเออ


เครดิต : ภาพวาด ถนนคนล่าฝัน

วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

เพราะงานเข้าเราจึงห่าง


























หากน้องเป็น คนทำ ให้ช้ำใจ
ขออภัย ด้วยพี่ ภาพนี้แย่
สัญญาไว้ ว่าจะเยือน ไม่เชือนแช
กลับต้องแปร เปลี่ยนหาย ไปหลายวัน


ด้วยมีเหตุ งานเข้า เอาสิ้นเดือน
จึงไม่เยือน เรือนกลอน เหมือนก่อนนั้น
เช็คสต๊อค กลางปี บัญชีพัน
และรายวัน ซื้อขาย มากมายมี


จึงขาดสาย ลายษร บทกลอนต่อ
ขออย่าพ้อ น้องนี้ นะพีพี่
ด้วยงานด่วน กวนใจ มากมายนี้
หาใช่ลี้ หนีหลบ ไม่พบเจอ


จะthaipooe o.p หรือmeemo(del)
ก็ไม่โชว์ กลอนษร ล่อนเสนอ
หาใช่ว่า เบื่อเวบนี้ ดีดีเกลอ
จึงไม่เจอ เหมือนแรก คล้ายแยกไป


น้องมีงาน จริงๆ ใช่ทิ้งพี่
ขอโทษที ที่ไม่เผย เอ่ยคำไข
แต่กลับมา แค่พัก ก็จักไป
โอกาสหน้า มีใหม่ คงได้เยือน

ภาพวาด
.

ไม่เข้าข่ายพิจารณา
















ไม่เข้าข่าย พิจารณา จึงลาจาก
แม้อยากฝาก ใจไว้ ให้เธอนี้
แต่เพราะคน อย่างฉัน มันไม่ดี
จึงไม่มี ค่าเพียง จะเคียงเธอ


ถึงอยากฝาก ทรวงใน ใจเท่าใด
แต่ก็ไม่ได้มี ดีเสนอ
ฉันจึงต้อง หมองหม่น ทนละเมอ
เพราะว่าเธอ ไม่คิด พิจารณา

ภาพวาด
.

ใจหลอกใจ
















ใจถามใจ ใจตอบ..ชอบและรัก
ใจถามจัก อยู่คง หรือหลงจร?
ใจตอบใจ ให้มั่น ไม่สั่นคลอน
ใจโอนอ่อน ป้อนคำ ให้ฉ่ำใจ

ใจถามใจ กี่ครั้ง ฟังให้ชัด
ลิ้นตวัด ตัดสิ้น เลือดรินไหล
ใจไม่แน่ แปรผัน ไม่มั่นใจ
ใจหลอกใจ ได้หนอ ขอจงครวญ

ใจจริง จริง เกินหยั่ง จะชั่งได้
ส่วนมากไซร้ ใช้เล่ห์ มาเรรวน
ใจหลอก หลอก ชอกช้ำ ซ้ำรัญจวน
ต้องทบทวน ครวญแท้ ก่อนแลใจ

ใจเห็น เห็น เด่นชัด ยังวัดยาก
รู้จักมาก หากค้น ต้องหม่นไหม้
เขาหลอก เรา เอาความรัก ที่ปักใจ
มาเชือดใจ นี้ไป ให้ใจตรม

ภาพวาด
.

เหตุผลของใจ-ไล่ไปเพราะรัก





























มีบางสิ่ง บางอย่าง ฉันพลางซ่อน
มันซับซ้อน เกินเอ่ย เผยให้รู้
จึงอยากให้ เธอไกล ใจเปลี่ยนคู่
แม้ต้องหู่ จิตตรม ซมก็ยอม


อยากให้เธอ ไปดี มีความสุข
อย่ามาทุกข์ เศร้าซม ตรมใจตรอม
อยู่กับฉัน คนแย่ ที่แปรปลอม
และไม่พร้อม หลายอย่าง จะข้างเธอ


ที่เอ่ยไล่ ไสผลัก เหมือนรักหมด
แต่จริงจด กดเจ็บ เก็บมาเพ้อ
อยากให้อยู่ คุ่เรียง เคียงเสมอ
แต่รักเธอ ล้นใจ จึงไล่ไป


มีเหตุผล หลายอย่าง มากลางกั้น
เพราะรักฉัน นั้นแท้ แน่กว่าไหน
จึงเอ่ยจบ ลบหัก เพื่อผลักไส
เหมือนดั่งใจ ไม่แคร์ แม้น้ำตา

ภาพวาด
.

รอรักจริง






















รอรักจริง พิงใจ ใครสักคน
มาเผยตน ให้ฉัน นี้หวั่นไหว
มาทะลาย กำแพงกั้น ฉันด้วยใจ
จะมีไหม ใครคนนั้น ที่ฉันรอ


กำแพงสูงตระหง่าน เหมือนด่านกั้น
รอสักวัน คงมี ใครตีต่อ
ให้กำแพงแฝงกาย มลายลอ
กลายเป็นช่อ ดวงใจ เอาไปครอ

ภาพวาด
.

เหมือนโดนหลอ 21-4-53

เหมือนโดนหลอกเลยนะเรา
พี่ที่เวบคนหนึ่งเป็นหญิง เขาบอกเราไว้อย่างหนึ่งแต่ตอนนี้เขาเป็นอีกแบบ
เราชักไม่เข้าใจแล้วซิ

ภาพวาด

วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

เขาปล่อยมือ




























เขาไม่แคร์ จะให้สน ทนงั้นหรือ
เขาปล่อยมือ จะให้ถือ หรือใดได้
เขาไม่รัก จะให้ภัก ปักดวงใจ
เขามีใหม่ จะให้รอ ฉันขอบาย


ถึงรักมาก เพียงไหน ไม่ขอรอ
เจ็บเกินพอ ต่อรัก ที่ภักหมาย
เขามีคน ยลเรียง เคียงข้างกาย
จิตระอาย เกินจะรอ ขอตัดใจ

ภาพวาด
.

ไม่เดินจาก



















ไม่เดินจาก ฝากไว้ ขอให้รู้
ฉันจะคู่ เธอตลอด นะยอดหญิง
อาจมีบ้าง บางที ที่เฉยนิ่ง
แต่ไม่ทิ้ง ดอกหนา สัญญาใจ


หากฉันจาก เธอไป ใจก็เจ็บ
หนาวและเหน็บ เหมือนกัน พลันหวั่นไหว
จึงไม่คิด จิตอยาก จะจากไป
รับรองได้ ใจตรง คงที่เดิม

ภาพวาด

ปล.กลอนนี้ภาพเป็นฝ่ายชายค่ะ ต่อใครจำไม่ได้

.

วันฝนโปรย






วันฝนโปรย โรยกระเซ็น รำเค็ญจิต
คนเคยชิด สนิทข้าง ห่างไปไหน
ปล่อยรักล้น หล่นล่วง ไม่ห่วงใย
เหลือเพียงใจ ในอุรา ที่พาตรม



รักร้าง พัง หลังฝน ที่หล่นโปรย
รักราโรย โดยไม่หัน พลันขื่นขม
รักเลิก ลบ จบจำ ช้ำระทม
รักเลือนปม ซมซาน ผลาญด้วยใจ



ไม่มีแล้ว รักชื่น ยืนเคียงคู่
จากนี้อยู่ ผู้เดียว เปลี่ยวใจไหว
เลิกรับ ลบ จบลา พาห่างไกล
เมื่อเธอไป ในวันฝน ร่วงหล่นโรย

ภาพ วาด


เพราะรักเธอ

























มาขอรับ รักกอปร มอบมาให้
ด้วยหัวใจ คนเหงา เศร้าหยักหนา
ก็เพราะรัก ของเธอ เสนอมา
ใจชาชา ล้าแรง จึงแกร่งยืน


ก็เพราะรัก เธอนี้ นี่แหละหนา
ชั่งมีค่า กว่าใด ที่ใครยื่น
สุข-อุ่นไอ ใจฉัน ทุกวันคืน
หวานระรื่น ชื่นทรวง ทั้งดวงใจ

ภาพวาด

.

ดอกไม้ในมือ





























ดอกไม้เล็ก ดอกหนึ่ง ซึ่งเธอมอบ
ฉันขอกอปร เก็บไว้ ให้สมค่า
เหมือนดังที่ เธอเฝ้าดู แต่อยู่มา
จากต้นกล้า เจริญโต โผ่ผลิใบ


ถึงดอกแร้ง แห้งกร้าน ตามกาลผัน
แต่ว่าฉัน นั้นจะเหน็บ เก็บมันไว้
ในหนังสือ หรือสมุด จุดษรไขว้
เขียนความใน ให้จำ คนนำมา


ได้ไม่ลืม คนเคยให้ ในวันนี้
อักษรสี ที่เพียร เขียนเตือนตรา
ว่าคนให้ ไม้ดอก ดอกหนึ่งมา
เขาฟูมฟัก รักษา ด้วยยาใจ


เป็นดอกงาม ตามพันธ์ เธอสรรเสก
สวยเป็นเอก กว่าทุกดอก ออกไสว
งามจากราก จากต้น ก้นหทัย
คือดอกไม้ ในมือ ที่ถือกำ

ภาพวาด
.

ใจในกล่อง













จะเก็บกล่อง ดวงใจ ไว้ให้ดี
จะไม่มี ใครล้ำ มาย่ำเกี่ยว
จะฟูมฟัก รักษา จะยาเยียว
แด่ดวงเดียว หนึ่งใจ ในกล่องทอง
.
ภาพวาด
.

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

อภิญญา




























อภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง หมายถึงปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน
อภิญญา ในคำวัดหมายถึงคุณสมบัติพิเศษของพระอริยบุคคลซึ่งเป็นเหตุให้มีอิทธิฤทธิ์ ต่างๆ มี 6 อย่าง คือ
1. อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้
2. ทิพพโสต มีหูทิพย์

3. เจโตปริยญาณ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้
4. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
5. ทิพพจักขุ มีตาทิพย์
6. อาสวักขยญาณ รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป


อภิญญา 5 ข้อแรกเป็นของสาธารณะ (โลกียญาณ) ข้อ 6 มีเฉพาะในพระอรหันต์
ถ้า พบผู้แสดงฤทธิ์ได้ อย่าพึ่งหมายว่าผู้นั้นจะเป็นอริยบุคคล


การได้อภิญา โดยมากมาจากสาย สมถะภาวนา คือเริ่มจากการทำสมาธิ
จนได้ ณาณ ถึงขั้นที่4 ที่เรียกว่าจตุถณาณ ขึ้นไป จึงจะแสดงอิทธิได้ ณาณนี้มีได้ก็เสื่อมได้ ส่วนอภิญญาข้ออื่น ณาณ ต้องสูงขึ้นไป โดยมากจะเป็นพระ อริยสงฆ์เจ้า ที่ได้ ส่วนอภิญญาข้อที่ 6 การทำกิเลส ให้สิ้นไปนั้น สามารถมาจาก 2 สาย คือพระอรหันต์ ที่มาจากสาย สมถะภาวนา เจริญสมาธิเป็นพื้น และมาจากสาย วิปัสนา การเจริญปัญญา เช่นการเจริญ มหาสติปัฏฐาน

ขอขอบ คุณ พี่แดง และ พี่มุจจลินทร์ มากเลยค่ะ (ตามหามานานอิอิ) เวบ http://www.trytodream.com/topic/13590.30


วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

ยุคเรา
























ยุคปู่ย่า ตาทวด อวดความรู้
ท่านเก่งอยู่ ในเนื้อ เชื่อซื้อขาย
มายุคลูก ยุคหลาน ผลาญวอดวาย
ใช้เงินจ่าย คล้ายเบี้ย ละเหี่ยใจ


ซื้อแป้งโป๊ โปะหน้า ราตาหมื่น
เที่ยวกลางคืน ดื่นดึก ยึกยักไหล่
ใช้เงินเรื่อย เฟือยฟุม ให้กลุ้มใจ
โธ่!ทำไม ไม่ทำงาน บ้างหลานเอย
.
ภาพวาด
.

รัตติกาลผ่านล่วงห้วงเวลา





























รัตติกาล ม่านมิด ปิดแสงทอง
ให้ใจน้อง หมองช้ำ ครวญคร่ำหา
มองทางใด ให้เหงา เศร้าโศกา
นัยนา พล่าเลือน เสมือนดาว


เคว้งคว้างเหลือ เนื้อก้อน ซ่อนซุกไซร้
น้ำตาไหล พริ้มแพรว แสงแวววาว
เจ็บในจิต คิดรั้ง อยากฟังข่าว
และเรื่องราว ความเป็นอยู่ ของคู่จร


รัตติกาล ผ่านผัน ไม่หันกลับ
ข่าวสดับ ลับหาย เสียสายษร
จนบัดนี้ เนินนาน ผลาญใจรอน
คนจากจร ตอนไกล ยังไม่คืน


รัตติกาล ผ่านล่วง ห้วงเวลา
คนสัญญา ลาไกล ใจเป็นอื่น
ป่านนี้คง หลงลืมน้อง หมองจิตขื่น
ไม่กลับคืน ดังสัญญา คลาจะจร
.
ภาพวาด
.

จนหรือรวยก็ต้องสู้







อย่าตีค่า ราคาคน บนหรือล่าง
ถึงแม้ต่าง ห่างเหิน แต่เดินดิน
จะสูงต่ำ ดำขาว พงษ์เผ่าถิ่น
แต่ต้องดิ้น สู้ชะตา เดินหน้าไป



จะทุกข์ใจ ทุกข์กาย ก็คล้ายคลึง
มองให้ซึ้ง ถึงราก จะฝากไว้
ถึงเศรษฐี มีเงินถัง ตังค์มากไซร้
ก็ทุกข์ได้ เพราะเศรษฐกิจ ต่ำ-ติดลง



อันพอมี พอกิน ดิ้นมิต่าง
ทุกที่วาง ถางช่อง หมองใจปลง
จะคนข้าง ทางเรียง เคียงใจจง
ต่างผลส่ง ให้สุข ทุกข์ ต่างกัน



จะรากหญ้า รากดิน รากถิ่นฐาน
ต่างต้องทาน ทนทุกข์ รุกให้หวั่น
อย่ามองใคร ว่าดี มีสุขสันต์
แต่ทุกข์เขา เรานั้น กลับพลันเมิน



ทุกข์เพราะ คน คู่เรียง เคียงใจข้าง
ทุกข์เพราะทาง ย่างไป ในที่เหิน
ทุกข์ ข้าวยาก หมากแพง แกล้งกันเกิน
ทุกข์เพราะเงิน เพราะหนีสิน เพราะผินคำ



จะทุกข์ใด ไหนหนัก ประจักษ์แจ้ง
ขอให้แกร่ง แรงใจอยู่ สู้แม้ช้ำ
อย่ามอง สูง สูงไป ให้ระกำ
เพราะคนต่ำ กว่าเรา เขายังมี

~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~*~~

ภาพ วาด


:+: กลบท..ธงนำริ้ว :+:

กลบท..ธงนำริ้ว





การแต่ง : บังคับให้ใช้คำหน้าวรรคซ้ำกันวรรคละหนึ่งคู่







:+: ฟ้าช้ำ..คนร่ำไห้ :+:




ดิ้น ดิ้นรน ทนไป แม้ใจหมอง
น้ำน้ำนอง สองตา ข้าต้องไหว
ยืนยืนอยู่ สู้ก้าว แม้ยาวไกล
เหนื่อยเหนื่อยใจ ไม่ท้อ ขอสู้ตาย



วันวัน หนึ่ง ซึ่งทน จนพ้นผ่าน
แม้แม้นาน กาลเปลี่ยน เวียนอีกหลาย
หาก หากกล้า ท้าบุก ทุกข์รอบกาย
จุดจุดปลาย สายฝัน นั้นคงงาม



หม่นหม่นอึ ม ครึ้มฝน หล่นจากฟ้า
หยาดหยาดมา พร่ามัว ทั่วเขตขาม
รินรินหลั่ง ดังความหมอง ของฟ้าคราม
คำคำราม ยามตรม ระทมใจ



ครั้นครั้น สาด หยาดหม่น ฝนหยุดพร่ำ
ชื่นชื่นช่ำ รำแสง ฟ้าแจ้งใส
เมฆเมหหมอง ครองฟ้า พาจางไป
เหลือเหลือไว้ ไอเย็น เป็นแรงยา



เปรียบ เปรียบไป ดังใจคน ที่หม่นหมอง
จำจำจอง ร้องร่ำ คร่ำครวญหา
ทุกข์ ทุกข์เกาะ เซาะซัด กัดอุรา
น้ำน้ำตา ยาเยียว เสี้ยวเศษทรวง



ล้างล้าง อาบ คราบไคล ในใจออก
ละละลอก หมอกควัน ให้พลันร่วง
อย่าอย่าเหน็บ เก็บค้าง ในกลางทรวง
หนักหนักหน่วง ทรวงล้า อุราเรา

ภาพวาด





ขออภัย ไว้ด้วย โปรดช่วยสอน
หาก กานท์กลอน ษรสรรค์ ที่กลั่นสาย
"ภาพ"ประดิษฐ์ ผิดพลาด วาดลวดลาย
ครู ทั้งหลาย ช่วยเอื้อน เตือนได้เลย


เครดิต : ภาพวาด ถนนคนล่าฝัน